วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551

โอบามา ชนะด้วยอินเตอร์เน็ต

โอบามา ชนะด้วยอินเตอร์เน็ต
นักกลยุทธ์หลายคนเชื่อว่า วุฒิสมาชิก บารัค โอบามา แห่งพรรคเดโมเครท ซึ่งชนะได้รับเลือกเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา เพราะโอบามาสามารถใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตได้อย่างชาญฉลาดและเต็มที่ วุฒิสมาชิก บารัค โอบามา แห่งรัฐอิลินอยส์ อาจจะได้สร้างประวัติศาสตร์โลกได้ถ้าหากเขาชนะวุฒิสมาชิกจอห์นแมคเคน ซึ่งได้รับเลือกเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีแห่งพรรครีพับพลิกัน เพราะโอบามาเป็นชาวผิวดำ เชื้อสายอัฟริกันคนแรกในประวัติศาสตร์กว่า 200 ปี ของสหรัฐอเมริกาที่จะได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งจบกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลกเช่นกันข่าวล่าสุดจากผู้ค้าในตลาดหุ้นทั้งสองแห่งคือที่ ดับลินและไอโอวา ให้โอบามาชนะแมคเคนด้วยคะแนน 61% ต่อ 35% และ 62% ต่อ 39% ตามลำดับ ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตได้เป็นกระแสหลักของชีวิตทางการเมืองของสหรัฐอเมริกาเข้าไปแล้ว การเริ่มต้นแห่งการรณรงค์เลือกตั้งของโอบามานั้นเริ่มจากศูนย์เพราะนอกจากไม่มีใครรู้จัก แล้วยังมีเงินและทุนน้อยมาก แต่อินเตอร์เน็ตกลับเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากที่สามารถทำให้บารัคโอบามา สามารถขับเคลื่อนจนได้รับแรงสนับสนุนทั้งคนและเงินทุนจากอินเตอร์เน็ตนี่เอง ซึ่งในช่วงแรกของการรณรงค์นั้น บารัค โอบามา เป็นรองฮิลลารี คลินตัน อย่างเทียบกันไม่ได้เลย ผู้เชี่ยวชาญด้านอินเตอร์เน็ตทางการเมือง คุณฟิล โนเบิล ซึ่งได้เฝ้าสังเกตการณ์การใช้อินเตอร์เน็ตทางการเมืองมานาน กล่าวว่า ความสำเร็จของ โอบามา มาจากการที่เขาได้ปักใจให้การใช้อินเตอร์เน็ตเป็นหัวใจของแผนการรณรงค์การเลือกตั้ง ในวันที่ บารัค โอบามา ได้ประกาศรณรงค์เลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เว็บไซต์ ของเขาได้รับการพัฒนาอย่างพรั่งพร้อมและเตรียมเดินหน้าอย่างเต็มสูบ โดยใช้อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งพบปะสำหรับผู้สนับสนุนและการบริจาคเงินทุนด้วยระบบอินเตอร์เน็ต คุณไมเคิล เติร์ก (Michael Turk) ผู้อำนวยการการรณรงค์ด้วยอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-Campaign ของ บุช และ เชนีย์ แห่งพรรครีพลับพลิกัน ปี 2004 ได้กล่าวว่า พรรคเดโมเครท เรียนรู้ได้เร็วมากจากบทเรียนที่ผ่านมาว่าเดโมเครทพ่ายแพ้เพราะทีมงานพัฒนาระบบอินเตอร์เน็ตของจอห์นแครี่ ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสู้เขาไม่ได้ในสมัยที่แข่งกับ จอร์จ บุช จูเนียร์ในปี 2004 โดยที่คุณไมเคิล เติร์ก ได้กล่าวว่า เขาได้ใช้ระบบผสมผสานระหว่างบัญชีรายชื่อของอีเมล์ และเทคนิคการทำเหมืองข้อมูลหรือเดต้าไมนิ่ง (Data Mining) สำหรับติดต่อกับผู้สนับสนุนและรับเงินบริจาค โอบามา ได้ศึกษาบทเรียนเรื่องนี้จึงได้อาศัยฐานข้อมูลของระบบอินเตอร์เน็ตในลักษณะเดียวกันเพื่อพุ่งเป้าสู่ ผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง โดยอาศัยอาสาสมัครจำนวนมากซึ่งมีโทรศัพท์ติดต่อได้และให้อาสาสมัครเดินไปพบปะกับผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน โดยจะมีข้อมูลของแผนที่เส้นทางเดินและเรื่องนโยบายที่ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนให้ความสำคัญ ที่จะลงคะแนนให้เพื่อให้อาสาสมัครของโอบามาช่วยหาเสียง
นอกจากนี้โอบามายังได้ใช้บริการเครือข่ายสังคมทั้งมายสเปส (Myspace) และเฟสบุ๊ค (Facebook) ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ซึ่งสามารถทำให้โอบามาได้ผู้สนับสนุนถึง 160,000 คนในช่วงระยะสั้นๆ เท่านั้น ดร.พอล ซูบี และ ดร.รีเบคกา เฮย์ส แห่ง มหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตท ได้กล่าวว่า โอบามา ได้รับความนิยมสูงมากที่สุดในเฟสบุ๊ค ซึ่งเป็นบริการเครือข่ายทางสังคมของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้คอมเมนท์จากเฟสบุ๊คของโอบามาก่อผลกระทบทางการเมืองเป็นอย่างมาก และทำให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนสนใจและลงคะแนนให้โอบามา เพราะฉะนั้นไม่แปลกเลยที่คะแนนนิยมของโอบามาจึงเป็นกลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั้งนั้น ซึ่งเป็นกลุ่มหนุ่มสาวชาวอเมริกันและเป็นกลุ่มประเภทมีการศึกษาสูง คุณโนเบิล ผู้เชี่ยวชาญด้านอินเตอร์เน็ตทางการเมืองกล่าวว่า โอบามา น่าจะได้เงินบริจาคสนับสนุนถึงหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 32,000 ล้านบาท ซึ่งจะมากกว่าสมัยของจอห์นแครี่สัก 12 เท่า เพราะความพร้อมของทีมงานระบบอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้คุณโนเบิลยังได้กล่าวว่า ทางฝั่งพรรครีพลับพลิกันในครั้งนี้ กลับไม่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ดีเท่า โอบามา โดยเฉพาะวุฒิสมาชิกแมคเคน ยังประสบปัญหากับเรื่องการใช้อินเตอร์เน็ตที่จะเข้าไปสู่กลุ่มอนุรักษ์ฐานเดิมของรีพับพลิกัน คุณโนเบิลคาดว่า โอบามาจะสามารถหาเงินบริจาคสนับสนุนได้มากกว่าจอห์นแมคเคนเยอะแน่นอนและรีพับพลิกันคงจะตามไม่ทัน ผู้อ่านคงจะต้องคอยติดตามดูเรื่องนี้ให้ดีอีกครั้งว่าเป็นอย่างไร ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา

ไม่มีความคิดเห็น: