วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ข่าว เทคโนโลยีคลังสินค้า

เอ็มโฟกัส แนะนำซอฟต์แวร์การบริหารคลังสินค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย WarehouseExpert

ปัจจุบันการบริหารคลังสินค้าส่วนใหญ่มักจะพบปัญหาสินค้าล้นคลัง จัดเก็บไม่เป็นระบบ เสียเวลาในการค้นหาและต้องเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บในขณะที่ยังใช้ประโยชน์พื้นที่จัดเก็บไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้ต้องสิ้นเปลืองทั้งบุคลากร และพื้นที่ในการจัดเก็บจำนวนมาก บริษัท เอ็มโฟกัส จำกัด ขอนำเสนอซอฟต์แวร์WarehouseExpert ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์สำหรับระบบการบริหารคลังสินค้าและการขนส่ง โดยระบบถูกออกแบบให้รองรับการทำงานทางด้านการบริหารคลังสินค้าได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์และสามารถใช้ร่วมกับ RFID และระบบ Barcode สิ่งที่ท่านจะได้รับ: - ช่วยปรับปรุงข้อมูลตัวเลขสินค้าคงคลังให้ถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น - ช่วยจัดการการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ใช้สอยภายในคลังสินค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด - ช่วยสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า - ช่วยแนะนำนโยบายในการจัดเก็บสินค้าได้หลากหลายวิธีและง่ายในการค้นหา - กำหนดและมอบหมายงานที่ดีที่สุดให้ผู้ปฏิบัติงาน (Task Optimization) - ตรวจนับสินค้า(Physical Count)ได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องหยุดระบบ - สามารถอิมพลิเมนท์ได้ทั้งในองค์กรที่มีคลังสินค้าเดี่ยว และในองค์กรที่มีมากกว่า 1คลังสินค้า - สามารถอิมพลิเมนท์และขึ้นระบบได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในธุรกิจประเภทผู้ให้บริการขนส่ง ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และ ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง เกี่ยวกับ บริษัท เอ็มโฟกัส จำกัด www.m-focus.co.th บริษัทเอ็มโฟกัสเป็นบริษัทจำหน่ายซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพและชื่อเสียงระดับโลกในด้านต่างๆเช่น ERP, Warehouse & Transportation Management System, Simulation & Optimization, Forecasting & Replenishment เป็นต้น และมีโซลูชั่นรองรับธุรกิจหลากหลายประเภท เช่น Manufacturing, Auto part, Logistics and Transportation / Warehouse Management, Textile & Garment, Printing & Packaging, Plastic & Chemical, Frozen Food, Agricultural and Commodity บริษัท เอ็มโฟกัส จำกัด 222 อาคารฐานเศรษฐกิจ ชั้น 6 ถ.วิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0-2513-9892 ต่อ103 แฟกซ์ 0-2512-3890 อีเมล์ market@m-focus.co.th

วิเคราะห์กรณีศึกษา (Case Study)

กรณีศึกษา การประยุกต์เทคโนโลยีจัดเก็บและเคลื่อนย้ายของบริษัทที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมพลาสติก





ลักษณะธุรกิจ








เป็นโรงงานผลิตถ้วยพลาสติกหลายขนาด จำนวนสินค้าที่ผลิตและจำหน่ายมีมากกว่า 400 ชนิด โรงงานมีกระบวนการผลิตตั้งแต่เริ่มนำเม็ดพลาสติกและเก็บเป็นม้วน และนำมาขึ้นรูป ตัด และพิมพ์สี บรรจุภัณฑ์ซ้ำซ้อน สินค้าระหว่างผลิต (Work In Process) ถูกนำเข้าเก็บไว้ในคลังสินค้าสำเร็จรูปรอการผลิตและจัดส่งผังการผลิต และจัดเก็บ





ปัญหาที่เกิดขึ้น





-การจัดซื้อไม่สอดคล้องกับการผลิต


-การจัดเก็บวัตถุดิบทำให้เกิดงานซ้ำซ้อน ต้องเก็บในคลังสินค้าสำเร็จรูป เสียเวลาเคลื่อนย้ายมาก


-การจัดเก็บแบบเดิมสินค้าซ้อนทับกันเสียหายไม่ใช้ระบบชั้นวางสินค้า


-ฝ่ายขายขาดความร่วมมือในการวางแผนระบบงาน สินค้าที่รับจากลูกค้าหลายชนิดมากเกินไป ทำให้ต้องเปลี่ยนสายการผลิตแต้งเครื่องบ่อยมาก ทำให้ต้นทุนธุรกิจขาดทุนต่อเนื่อง


-สินค้าคงคลังระหว่างการผลิตส่งไปเก็บยังคลังสินค้าสำเร็จรูป เสียเวลานับกลับมาผลิตใหม่ เป็นระยะทางมากกว่า 600 เมตร


-การวางผังกระบวนการผลิตไม่ต่อเนื่อง


-ใช้พื้นที่คลังและปริมาตรคลังสินค้าไม่เต็มพื้นที่ใช้เพียง 30%


-ขาดการประยุกต์ในการเคลื่อนย้ายแบบเป็นระบบ ทำให้ระยะทางเคลื่อนย้ายไกลมาก





ผลจากการปรับปรุง





1.ปรับผังกระบวนการผลิตและคลังสินค้าใหม่ตามผังแบบเพื่อลดระยะทางในการเคลื่อนย้าย


2.จัดทำระบบจัดเก็บระบบ Selective Rack จำนวนทั้งสิ้น 4,500 พาเลท เพราะลดการใข้พื้นที่จากภายนอกและการขนส่ง การเคลื่อนย้ายบ่อยทำให้สินค้าแตกเสียหาย


3.เปลี่ยนจากการบรรจุเม็ดพลาสติกแบบถุง มาใช้ระบบป้อนเม็ดพลาสติกเข้าเครื่องจากไซโลแบบอัตโนมัติ เพื่อลดขั้นตอนการทำงาน


4.แผ่นพลาสติก (Work In Process :WIP) ไม่ต้องส่งไปเก็บยังคลังสินค้าสำเร็จรูป แต่สร้างโรงงานบริเวณเหนือโรงพิมพ์สี โดยเป็นโครงสร้างเหล็กชั้นลอยแบบแยกประกอบในที่สามารถเก็บสินค้าได้ รวมถึงวัสดุสำหรับบรรจุภัณฑ์


5.สินค้าสำเร็จรูปหลังจากพิมพ์สามารถบรรจุ และส่งผ่านสายพานลำเลียงแบบใช้แรงโน้มถ่วง โดยไม่ต้องเสียเวลาขนด้วยรถฟอร์คลิฟท์ ลดจำนวนรถฟอร์คลิฟท์ได้ไม่น้อยกว่า 5 คัน และส่งผลให้การทำงานง่ายขึ้น


6.การเปลี่ยนแปลงโรงงานใหม่ ทำให้เกิดประสิทธิภาพจากกการเคลื่อนย้ายจัดเก็บ ทำให้ลดจำนวนพนักงานลงมากกว่า 300 คน


7.การเจรจาต่อรองของฝ่ายขาย โดยทำบรรจุภัณฑ์เป็นมาตรฐานคล้ายกัน และประยุกต์ได้กับลูกค้าหลายบริษัท ทำให้ลดต้นทุนค่าติดตั้งและปรับเครื่องใหม่เป็นมูลค่ามากกว่าปีละ 20 ล้านบาทและการปรับเครื่อง 1 เที่ยวใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง โดยปัจจุบันจากจำนวนสินค้า 403 SKUs เหลือเพียง 101 SKUs


8.สิ่งแวดล้อมในการทำงานดีขึ้นไม่เกิดอุบัติเหตุ


9.ลดต้นทุนในการดำเนินงานเฉพาะในส่วนโรงงานได้มากกว่า 20 ล้านบาท





กรณีศึกษาอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์





ข้อมูลโครงการ





บริษัท : Banta packaging & Fulfillment


ลักษณะโครงการ : Nationl Distribution Center


สถานที่ : Harrisonburg.VA.USA


ขนาด : 23,580 square meters


จำนวนพนักงาน : 100 คน


ผู้บริหาร : Dwyne Black,director of operations


Joe Fair,operation manager


สินค้า : ตำราและวารสาร


จำนวนที่กระจายต่อวัน : 150,000-160,000เล่มต่อวัน


ประเภทสายพานลำเลียง : Belt,Live rollers,accumulating(EZLogic),gravity(skatewheel and roller),trashtakeway,sorters(ProSort andSC)


ระบบควบคุม : FortnalPlus


ระบบจัดการคลังสินค้า : Logistic PRo


ผู้จำหน่ายสายพานลำเลียง : Hytrol Conveyor lnc,Jonesboro,AR


ผู้ออกแบบระบบ : Fortna lnc,Reading,PA





ผลจากการปรับปรุง





- หลักการออกแบบ : การยกระดับของระบบลำเลียงลาดเอียงสูงขึ้นโดยใช้แรงโน้มถ่วงโลก เพื่อการเพิ่มผลผลิต





-กระบวนการตอบสนองคำสั่งซื้อของลูกค้าเริ่มต้นจากการแบ่งพื้นที่หยิบหนังสือ 2 พื้นที่ใหญ่ คือ แบบเต็มกล่องและแบบไม่เต็มกล่อง Broken case ซึ่งแบบเต็มกล่องจะวิ่งผ่านไปจุดเชื่อมต่อ 3-to-1และเคลื่อนย้ายไปยังระบบลำเลียงเป็นวง สำหรับการค้นหาตำราที่ต้องการ หลังจากนั้นจะส่งกล่องกลับไปยังด้านหลัง ไปยังช่องส่งของบริเวณขนถ่ายสำหรับส่งเป็นพาเลทแบบไม่เต็มกล่องจะวิ่งผ่านไปยังจุดบรรจุกล่องไปยังพื้นที่ตรวจดูตำรา ว่าเป็นไปตามคำสั่งของลูกค้าหรือไม่ แล้วส่งไปเพื่อบรรจุเป็นไปรษณียภัณฑ์ หลังจากนั้นจะส่งกล่องไปยังชิ่ง สำหรับส่งเป็นไปรษณียภัณฑ์บริเวณท่าขนถ่าย





-โครงการนี้เป็นโครงการเกี่ยวกับการออกแบบระบบการเคลื่อนย้ายด้วยระบบสายพานลำเลียงควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ที่ได้ทำการติดตั้งเรียบร้อยแล้วและเริ่มใช้งาน โดยใช้เวลาทั้งหมดเริ่มจากการออกแบบจนถึงการทดสอบระบบเพื่อการใช้งานทั้งสิ้น 16 สัปดาห์โดยใช้สำหรับบริการกระจายหนังสือและการดำเนินงานตามคำสั่งซื้อของลูกค้าโดยตรง โดยส่งผ่านไปรษณีย์ผ่านในศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ การดำเนินงานการติดตั้งเพียง 16 สัปดาห์ถือว่าดำเนินการรวดเร็วมาก โครงการนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กระจายตำราให้กับ DG Books Worldwide.โดย IDGB เป็นผู้ผลิตหนังสือชื่อเสียงดีชื่อ”Dummies”โดยมีหนังสือที่พิมพ์คือ PCs for Dummies และอีกหลายชุดและยังมีหลังสือชุด The Betty Crocker เป็นหนังสือเกี่ยวกับการปรุงอาหาร Cliff Notes Frommers Travel Weight Watchers และชุดโฮเวลนับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทีดีกว่าเดิมจากเดิม IDGB มีการจัดส่งหนังสือจากคลังสินค้า 4 แห่งในสหรัฐอเมริกา การบริหารลำบากเพราะมีหลายศูนย์หลายพื้นที่ การสร้างศูนย์กระจายหนังสือใหม่เพื่อต้องการรวบรวมการปฎิบัติการให้อยู่ในพื้นที่คลังสินค้าเดียวมีข้อกำหนดคือเกี่ยวกับการเลือกทำเลที่ตั้งโรงพิมพ์ ต้องการคลังสินค้าใกล้กับแหล่งที่ผลิตหรือพิมพ์ตำราหรือที่โรงพิมพ์ The Banta Book Group ในแฮริสวอนเบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย เพื่อเพิ่มผลผลิต ฉะนั้นที่ตั้งโรงงานใหม่จึงตั้งที่แฮริสวอนเบิร์ก เพื่อลดค่าขนส่งและค่าระวางสำหรับการส่งตำราของ IDGB





-IDGB ขอข้อมูลจาก Banta Packaging & Fulfillment ในการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าใหม่ ซึ่งได้ลงนามสัญญาเรียบร้อยแล้ว โดยหน่วยงานสถานที่ก่อสร้างที่เลือกใกล้กับโรงพิมพ์





-Banta สามารถปฎิบัติงานตามกำหนดเวลาด้วยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ซึ่งดำเนินงานการสร้างระบบสายพานลำเลียงในศูนย์กระจายสินค้าโดยสมบูรณ์แบบ ได้ทำงานใกล้ชิดกับ IDG Books เพื่อดูความต้องการที่แท้จริงในปัจจุบันและความต้องการในอนาคต ขณะเดียวกันก็ร่วมมือกับผู้ออกแบบระบบ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเป็นไปตามความต้องการของทุกฝ่ายสำนักงานใหญ่ของผู้ออกแบบตั้งที่รีดดิ้ง เพนซิลวาเนีย ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้าของ Hytrol ระหว่างการก่อสร้างโครงการมีการทำงานด้วยความสัมพันธ์ที่ดีทั้งสองฝ่ายคือ ฟอร์ทน่าและไฮโทรล การทำงานเป็นทีมเป็นปัจจัยสำคัญในการแล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด ตั้งแต่การออกแบบทางวิศวกรรม ระบบควบคุม ระบบคอมพิวเตอร์ การติดตั้งอุปกรณ์และทอสอบแล้วเสร็จใน 16 สัปดาห์ โดยโรงพิมพ์สามารถส่งหนังสือเข้าศูนย์กระจายสินค้าในระบบการขนถ่ายแบบลำเลียง ศูนย์กระจายสินค้าได้นำเอาอุปกรณ์ระบบสายพานลำเลียงของ Hytrol Conveyor โดยมีการออกแบบเป็นแนวที่มีผลต่อการทำงาน เพื่อทำให้เกิดความยืดหยุ่นโดยประกอบด้วยสายพานลำเลียงแบบสายพาน(Belt Conveyor)ระบบลูกกลิ้งโดยใช้แรงโน้มถ่วง(Live rollers)และอุปกรณ์สำหรับรวบรวมตำราด้วยระบบรุ่น Hytrol’s exclusive EZ Logic ทั้งแบบสเก็ตวีลและชุดลูกกลิ้งโดยใช้แรงโน้มถ่วงใช้ตลอดแนว เพื่อให้สามารถขยายเพิ่มเติมในอนาคตได้มีการออกแบบทางวิศวกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการเชิงกลยุทธ์และมีการต่อเชื่อมอย่างต่อเนื่องแบบอนุกรมโดยใช้ระดับสูงเหนือศีรษะอีกชุดหนึ่ง ทำให้พื้นที่ดูแลง่ายและสะอาดหนังสือมาจากโรงงานพิมพ์จะถูกลำเลียงตรงเข้าชั้นวาง หนังสือที่จัดเก็บเป็นพาเลท หลังจากนั้นจะมีท่าสำหรับสายพานลำเลียงแบบชนิดวางพาเลท โดยใช้แบบลาดเอียงใช้แรงโน้มถ่วง(Gravity Comveyor)เพื่อให้เกิดการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว โดยมีสายพานการลำเลียง 2 สาย สายที่หนึ่งสำหรับการหยิบสินค้าเต็มกล่อง ตามคำสั่งจากลูกค้า ส่วนอีกสายหนึ่งสำหรับการหยิบหนังสือที่ไม่เต็มกล่อง เป็นเล่มสำหรับการหยิบที่เต็มกล่องจะส่งลงตรงที่สายพานลำเลียงชุดลาดเอียง(A live roller conveyor)ซึ่งเชื่อมต่อกับสายพานลำเลียงและส่งไปยังสายพานลำเลียงเพื่อรวบรวมประโยชน์ของ EZ Logic คือ อุปกรณ์ส่งต่อการควบคุมการเคลื่อนย้ายของกล่องจากโซนหนึ่งไปยังอีกโซนหนึ่ง กล่องหนังสือจะวิ่งไปยังจุดเชื่อม”3-To-1”ก่อนจะเคลื่อนผ่านไปยังสายพานลำเลียงแบบโค้ง เพื่อไปยังอุปกรณ์ตรวจเช็คหนังสือ ซึ่งการออกแบบให้มีการค้นหาหนังสือที่รวดเร็ว หลังจากค้นเสร็จจะเปลี่ยนทิศทางของกล่องลงด้านล่างตามแรงโน้มถ่วงเพื่อส่งไปยังท่าจัดส่งและรวบรวมเป็นพาเลทในการจัดส่งซึ่งมีทั้งสิ้น 6 ช่อง ส่วนช่องจัดส่งที่เหลือสำรองสำหรับกรณีสั่งซื้อไม่เต็มกล่อง หรือยอดสั่งซื้อต่ำกว่าจำนวนกล่องที่บรรจุบนพาเลท ในส่วนนี้เมื่อศูนย์กระจายสินค้าได้รับคำสั่งจะหยิบคำสั่งซื้อและส่งต่อไปยังสายพานลำเลียงระบบค้นหาสินค้าที่ขับเคลื่อนด้วยระบบความเร็วสูง ไปยังสายพานลำเลียงหลักและเข้าไปยังโซนที่ใช้หยิบหนังสือที่เหมาะสม ระบบคอมพิวเตอร์จะควบคุมเส้นทางแบบอัตโนมัติในการเลือกหนังสือตามคำสั่งในแต่ละโซนที่หยิบสินค้าจนกว่าจะเสร็จตามคำสั่ง คำสั่งซื้อที่รวบรวมแล้วเสร็จจะย้อนกลับไปยังจุดในการบรรจุหนังสือ ซึ่งจะมีการตรวจสอบความถูกต้อง ติดป้ายฉลากสำหรับในการจัดส่ง เมื่อตำราได้บรรจุตามคำสั่งซื้อของลูกค้าแล้วจะลำเลียงไปยังจุดรวม”3-To-1”และส่งไปยังวงรอบหลักของการค้นหาที่จัดส่งในกรณีที่หยิบหนังสือเต็มกล่อง ในกรณีคำสั่งที่ไม่เต็มกล่องจะส่งย้อนกลับไปยังช่องส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ซึ่งตั้งอยู่ที่ส่วนนอกสุดของอาคาร โดยสามารถทำงานได้ 75 กล่องต่อนาที ที่กำลังการขยายสูงสุด 120 กล่องต่อนาที





ประโยชน์จากการปรับปรุง





-ประสิทธิภาพในการเติมสินค้าตามคำสั่งซื้อสูงขึ้น


-ความถูกต้องแม่นยำสูง ลดความผิดพลาดในการจัดส่ง


-การสื่อสารมีประสิทธิภาพ


-จัดส่งในช่องจัดส่งที่ถูกต้อง


-เกิดประโยชน์สูงสุดในการค้นหาสินค้าและการหยิบสินค้า เพราะเป็นระบบอัตโนมัติ


-สามารถขยายกำลังในการผลิตในโรงพิมพ์ได้ และสามารถส่งตำรามากกว่าที่ออกแบบไว้เดิมถึงสองเท่าตัว


-ธุรกิจมีการเจริญเติบโต อย่างต่อเนื่อง และสามารถขยายธุรกิจต่อไปได้จากการวางแผนระบบไว้รองรับคำสั่งซื้อเพิ่ม


-ระบบสามารถสับเปลี่ยนได้ง่าย ติดตั้งง่าย สามารถขยายขนาดการจัดเก็บไว้อีกจำนวนมาก


-ลูกค้าเกิดความพึงพอใจมากขึ้น

สรุปเรื่องที่เรียน ครั้งที่1

ระบบสารสนเทศในงานสินค้าคงคลังและคลังสินค้า


ระบบสารสนเทศในงานสินค้าคงคลังและคลังสินค้า1 ความหมายและวัตถุประสงค์ของงานสินค้าคงคลังและคลังสินค้าความหมาย สินค้าคงคลัง เป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญ ซึ่งต้องมีเพื่อการดำเนิน งาน และมีสภาพคล่องสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ไม่ลำบาก เช่น สินค้าสำเร็จรูป วัตถุดิบเพื่อการผลิตงานระหว่างทำ ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ การจัดหาสินค้าคงคลัง สามารถทำได้ 2 วิธีวิธีที่ 1 สั่งผลิตหรือจัดซื้อมาจะทำได้กับธุรกิจที่ช่วงระยะเวลาส่งของให้ลูกค้านานพอที่จะไปดำเนินการจัดซื้อหรือผลิตได้วิธีที่ 2 วางแผนจัดหาสินค้าคงคลังโดยพิจารณา จากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นการวางแผนจัดเตรียมสินค้าคลังไว้ล่วงหน้าวัตถุประสงค์1. เพื่อให้การทำงานมีความยืดหยุ่น ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น2. เพื่อให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่าย1 ความหมายและวัตถุประสงค์ของงานสินค้าคงคลังและคลังสินค้า1.งานสินค้าคงคลัง ( Inventory )หมายถึง กระบวนการบริหารและควบคุมสินค้าที่สำรองไว้ให้มีปริมาณและมูลค่าที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในธุรกิจ# มีจุดประสงค์หลักที่จะสำรองสินค้าอย่างเป็นระบบและมีคุณภาพ เพื่อให้มีสินค้าเพียงพอเสมอ สำหรับการเบิกจ่ายโดยปราศจากการขาดมือของสินค้า# มีเป้าหมายที่จะใช้ต้นทุนน้อยที่สุด ในการสำรองสินค้าและการดำเนินงานหากให้ ผลกำไรที่สูงสุดแก่ธุรกิจขององค์กร2.งานคลังสินค้า (Warehousing) คือ กระบวนการเก็บ หยิบ ส่งสินค้า มีจุดประสงค์หลักที่จะบริหารและดำเนินธุรกิจในส่วนเกี่ยวข้องกับคลังสินค้าอย่างเป็นระบบ3.คลังสินค้า( Warehouse) คือ สถานที่ใช้เก็บสินค้าที่ผลิตออกมา/สำรองสินค้าที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะนำไปขาย/เบิกจ่ายหรือสำรองสินค้าไว้และเป็นจุดพักสินค้าระหว่างผู้ผลิตและผู้ค้าส่ง (wholesale) หรือผู้ค้าปลีก (Retail outlets) แล้วแต่ละกรณีหรือบางกรณีก็สามารถใช้คำว่า ศูนย์กระจายสินค้า (Distribution center) แทนคลังสินค้ามีองประกอบสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจคลังสินค้า1. โครงสร้างทางวิศวกรรมของอาคารสถานที่2. อุปกรณ์ที่จำเป็น3. บุคลากร4. การขนส่งสินค้า5. ระบบการส่งต่อเอกสารและการบันทึกบัญชีประจำวันประเภทของคลังสินค้า ตามลักษณะการครอบครองคลังสินค้าเอกชน Private Warehouse เป็นทรัพย์สินขององค์กรเจ้าของสินค้า Owner ซึ่งบริหารและการดำเนินการเองทั้งหมด เก็บเฉพาะสินค้าที่ต้องการคลังสินค้าสาธารณะ Public Warehouse เป็นคลังสินค้าที่ผู้ประกอบการทำธุรกิจรับดำเนินการติดตั้งระบบการ คลังสินค้าให้กับหลายองค์กรมาใช้บริการ2 องค์ประกอบของงานสินค้าคงคลังและคลังสินค้า มี 5 องค์ประกอบหลัก คือ1. สินค้าคงคลัง (Inventory Item)2. ระดับที่เหมาะสมของสินค้าคงคลัง (Inventory Level)3. จุดสั่งใหม่ (Reorder Point)4. สินค้าทดแทน (Substituted Item)5. สินค้าส่งคืน (Returned/reject Item)1. สินค้าคงคลัง (Inventory Item) คือ สินค้าที่องค์กรเก็บสำรองไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในเชิงธุรกิจ แบ่งได้ 3 ประเภท1. )วัตถุดิบที่ใช้ป้อนกระบวนการผลิต (Raw goods)2. )สินค้าคงคลังระหว่างกระบวนการผลิต (Work in Process /WIP)3. )สินค้าคงคลังสำเร็จรูป (Finished Inventories)3. ระดับที่เหมาะสมของสินค้าคงคลัง (Inventory Level) คือ ปริมาณสินค้าคงคลังที่พอเหมาะกับกิจการขององค์กรโดยใช้ต้นทุนและปราศจากเหตุการณ์สินค้าไม่เพียงพอการเบิกจ่าย3. จุดสั่งใหม่ มี 3 ประเภท คือ3.1 ระบบปริมาณสั่งซื้อที่ประหยัด(Economic Order Quantity System : EOQ)3.2 ระบบรอบเวลาสั่งซื้อที่คงที่ (Fixed Interval System)3.3 ระบบจัสท์อินไทม์ (Just In Time : JIT)องค์ประกอบหลักของงานคลังสินค้า แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก คือ1.) โครงสร้างของคลังสินค้า ( Warehouse Configuration)2.) เจ้าของสินค้า และ ผู้รับสินค้า (Owner)3. )สินค้า (Product) เช่น กลุ่ม (Group) และ กลุ่มย่อย (Sub-group) หน่วยนับ (Unit of Measurement : UOM )3 การติดตั้งและการดำเนินงานระบบสารสนเทศสินค้าคงคลัง1. การเตรียมการติดตั้งระบบสารสนเทศสินค้าคงคลัง1.1 ระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่จะใช้1.2 เตรียมเครื่องใช้สำนักงานที่เกี่ยวข้อง1.3 ข้อมูลทั่วไปในการสร้างแฟ้มข้อมูลหลัก1.4 ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง1.5 วางแผนกระทำการติดตั้งระบบ1.6 กำหนดแผนการใช้งานคู่ขนาน2. การติดตั้งระบบสารสนเทศสินค้าคงคลัง2.1 ระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่จะใช้2.2 สร้างแฟ้มข้อมูลหลัก2.3 บันทึกยอดยกมาของสินค้าแต่ละชนิด4 การติดตั้งและการดำเนินงานระบบสารสนเทศคลังสินค้า1. การเตรียมการติดตั้งระบบสารสนเทศคลังสินค้า1.1 คลังสินค้า1.2 เจ้าของสินค้า1.3 สถานที่จัดส่ง1.4 สินค้า1.5 บุคลากรที่เกี่ยวข้อง1.6 วางแผนโครงการติดตั้งระบบ1.7 ยอดยกมาของสินค้าคงเหลือ2. การติดตั้งระบบสารสนเทศคลังสินค้า ลักษณะเดียวกับสินค้าคงคลัง5 การนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาช่วยในการบริหารระบบสารสนเทศ1. เพื่อคุณภาพและความถูกต้องของการดำเนินการ2. ลดเวลาในการดำเนินงาน3. ลดค่าใช้จ่ายในการทำงานนอกเวลา4. เพิ่มความสะดวกในการดำเนินงาน5. เพิ่มภาพพจน์ที่ดีให้แก่องค์กร5.1 การเลือกใช้โปรแกรมและผลกระทบของการใช้คอมพิวเตอร์ในระบบงานการเลือกใช้โปรแกรม1. ความจำเป็นขององค์กร2. งบประมาณ3. ความสอดคล้องกับโครงสร้าง4. การตอบสนองความต้องการของฝ่ายนโยบายและบริหารผลกระทบของการใช้คอมพิวเตอร์ในระบบงาน1. ผลกระทบด้านธุรกิจขององค์กร2. ผลกระทบด้านการส่งผ่านข้อมูล3. ผลกระทบด้านการดำเนินงาน4. ผลการทบด้านเครื่องมือเครื่องใช้สำนักงาน5. ผลกระทบด้านงบประมาณ6. ผลกระทบด้านองค์กร

คำถามทบทวน ครั้งที่1

คำถามทบทวน

1.คลังสินค้าหมายถึงอะไรตอบ = หมายถึง พื้นที่ที่ได้วางแผนแล้วเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้สอยและการเคลื่อนย้ายสินค้าและวัตถุดิบ ซึ่งสินค้าที่เก็บในคลังสินค้าสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท1. วัตถุดิบ2. สินค้าสำเร็จรูปหรือสินค้า2.การจัดการคลังสินค้ามีการจัดการกับกิจกรรมใดบ้างตอบ = จัดการกับกิจกรรมการขาย เป้าหมายหลักในการบริหาร ดำเนินธุรกิจ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคลังสินค้าก็เพื่อให้เกิดการดำเนินการเป็ยระบบให้คุ้มกับการ ลงทุน การควบคุมคุณภาพของการเก็บ การหยิบสินค้า การป้องกัน ลดการสูญเสียจากการดำเนินงานเพื่อให้ต้นทุนการดำเนินงานต่ำที่สุด และการใช้ประโยชน์เต็มที่จากพื้นที่3.วัฒถุประสงค์ของการจัดการสินค้าเพื่ออะไรตอบ =1. ลดระยะทางในการเคลื่อนย้ายให้มากที่สุด2. ใช้พื้นที่และปริมาตรในการจัดเก็บให้เกิดประโยชน์สูงสุด3. สร้างความมั่นใจว่า แรงงาน เครื่องมือ อุปกรณ์ สาธารณูปโภคต่างๆ มีเพียงพอและสอดคล้องกับระดับของธุรกิจที่ได้วางแผนไว้4. สร้างความพึงพอใจในการทำงานในแต่ละวันแก่ผู้เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้ายสินค้า5. สามารถวางแผนได้อย่างต่อเนื่อง ควบคุม และรักษาระดับการใช้ทรัพยากรต่างๆเพื่อให้เกิดการบริหารภายใต้ต้นทุนที่เกิดประสิทธิภาพคุ้มค่าในการลงทุนตามขนาดธุรกิจที่กำหนด

4.กิจกรรมหลักของคลังสินค้าและความสัมพันธ์กับกิจอื่นในการจัดการคลังสินค้ามีอะไรบ้าง1. การคลังสินค้าและการผลิต2. การคลังสินค้าและการขนส่ง3. การคลังสินค้าและการให้บริการลูกค้า5.Swot Analysis คืออะไรจงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างงานที่เกี่ยวกับระบบงานคลัง- เป็นกาารจัดทำแผนกลยุทธ์วิธีหนึ่งซึ่งจะช่วยให้องค์กรทราบถึงสถานภาพขององค์กร อันจะทำให้สามารถกำหนดเป้าหมายได้อย่างถูกต้องและประสบความสำเร็จ โดยวิเคราะห์จากสภาพแวดล้อมภายในและสภาพแวดล้อมภายนอก 4 ประเด็น คือปัจจัยภายในองค์กรS – Strength หมายถึง จุดแข็ง องค์กรจะต้องมีการประเมินจุดแข็งของตนเอง เพื่อพิจารณาเงื่อนไขแห่งความสำเร็จขององค์กรตนในมิติต่างๆ เช่น สถานภาพทางการเงิน บุคลากร ผลผลิต โดยประเมินค่าเป็นระดับจากสูงสุดไปหาต่ำสุด อย่างไรก็ตาม จุดแข็งในบางมิติอาจไม่มีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กรก็ได้*****W – Weakness หมายถึง จุดอ่อน องค์กรจะต้องมีการประเมินจุดอ่อนของตน เพื่อพิจารณาเงื่อนไขแห่งความล้มเหลวขององค์กรในมิติต่างๆ เช่นเดียวกับการประเมินจุดแข็ง โดยมีการประเมินค่าจากสูงสุดไปหาต่ำสุด อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนในบางมิติอาจไม่มีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กรปัจจัยภายนอกองค์กร*****O – Opportunity หมายถึง โอกาสหรือสิ่งที่องค์กรได้เปรียบคู่แข่ง ทั้งนี้องค์กรควรพิจารณาโอกาสในนมิติของความดึงดูดใจและความน่าประสบความสำเร็จขององค์กร*****T – Threat หมายถึง อุปสรรคที่ขัดขวางการพัฒนาขององค์กร ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อเป้าประสงค์ขององค์กร ทั้งนี้ควรพิจารณาอุปสรรคในมิติของความรุนแรงและอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้น

กฎหมายคลังสินค้า

ใบรับของคลังสินค้าและประทวนสินค้า มาตรา 775 ถึง มาตรา 796

มาตรา 775 ถ้าผู้ฝากต้องการไซร้ นายคลังสินค้าต้องส่งมอบ เอกสารซึ่งเอาออกจากทะเบียนมีต้นขั้วเฉพาะการ อันมีใบรับของ คลังสินค้าฉบับหนึ่งและประทวนสินค้าฉบับหนึ่งให้แก่ผู้ฝาก

มาตรา 776 อันใบรับของคลังสินค้านั้นย่อมให้สิทธิแก่ผู้ฝากที่จะ สลักหลังโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าไปเป็นของผู้อื่นได้

มาตรา 777 อันประทวนสินค้านั้นย่อมให้สิทธิแก่ผู้ฝากที่จะสลัก หลังจำนำสินค้าซึ่งจดแจ้งไว้ในประทวนได้ โดยไม่ต้องส่งมอบสินค้า นั้นแก่ผู้รับสลักหลัง
แต่ว่าเมื่อผู้ฝากประสงค์จะจำนำสินค้า ต้องแยกประทวนออกเสีย จากใบรับของคลังสินค้า และส่งมอบประทวนนั้นให้แก่ผู้รับสลักหลัง

มาตรา 778 ใบรับของคลังสินค้าและประทวนสินค้าต้องมีเลขลำดับ ตรงกันกับเลขในต้นขั้ว และลงลายมือชื่อของนายคลังสินค้า
อนึ่ง ใบรับของคลังสินค้าและประทวนสินค้านั้น ท่านให้มีรายละเอียด ดั่งกล่าวต่อไปนี้ คือ(1) ชื่อหรือยี่ห้อ และสำนักของผู้ฝาก(2) ที่ตั้งคลังสินค้า(3) ค่าบำเหน็จสำหรับเก็บรักษา(4) สภาพของสินค้าที่เก็บรักษา และน้ำหนักหรือขนาดแห่งสินค้านั้น กับทั้งสภาพ จำนวน และเครื่องหมายหีบห่อ(5) สถานที่และวันออกใบรับของคลังสินค้าและประทวนสินค้านั้น(6) ถ้าได้กำหนดกันไว้ว่าให้เก็บสินค้าไว้ชั่วเวลาเท่าใดให้แจ้ง กำหนดนั้นด้วย(7) ถ้าของที่เก็บรักษามีประกันภัย ให้แสดงจำนวนเงินที่ประกันภัย กำหนดเวลาที่ประกันภัย และชื่อหรือยี่ห้อของผู้รับประกันภัยด้วย
อนึ่ง นายคลังสินค้าต้องจดรายละเอียดทั้งนี้ลงไว้ในต้นขั้วด้วย

มาตรา 779 อันใบรับของคลังสินค้าก็ดี ประทวนสินค้าก็ดีท่านว่า หาอาจออกให้หรือสลักหลังให้แก่ผู้ถือได้ไม่

มาตรา 780 เมื่อใดผู้ฝากสลักหลังประทวนสินค้าให้แก่ผู้รับจำนำ คู่สัญญาต้องจดแจ้งการที่สลักหลังนั้นลงไว้ในใบรับของคลังสินค้าด้วย
ถ้ามิได้จดแจ้งไว้ดั่งนั้น ท่านว่าการจำนำนั้นหาอาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ผู้ซื้อสินค้าสืบไปได้นั้นได้ไม่

มาตรา 781 เมื่อประทวนสินค้าได้สลักหลังและส่งมอบแก่ผู้รับ จำนำแล้วให้ผู้ฝากกับผู้รับจำนำจดลงไว้ในประทวนสินค้าเป็นสำคัญ ว่าได้จดข้อความตามที่บัญญัติใน มาตรา ก่อนไว้ในใบรับของคลังสินค้าแล้ว

มาตรา 782 เมื่อใดผู้ฝากจำนำสินค้าและส่งมอบประทวนสินค้า แก่ผู้รับสลักหลังแล้ว ผู้รับสลักหลังเช่นนั้นต้องมีจดหมายบอกกล่าว แก่นายคลังสินค้าให้ทราบจำนวนหนี้ซึ่งจำนำสินค้านั้นเป็นประกัน ทั้งจำนวนดอกเบี้ยและวันอันหนี้นั้นจะถึงกำหนดชำระ เมื่อนายคลัง สินค้าได้รับคำบอกกล่าวเช่นนั้นแล้วต้องจดรายการทั้งนั้นลงในต้นขั้ว
ถ้าและมิได้จดในต้นขั้วเช่นนั้น ท่านว่าการจำนำนั้นหาอาจจะ ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้เจ้าหนี้ทั้งหลายของผู้ฝากได้ไม่

มาตรา 783 ผู้ทรงเอกสารอันมีทั้งใบรับของคลังสินค้าและประทวน สินค้านั้น จะให้นายคลังสินค้าแยกสินค้าที่เก็บรักษาไว้ออกเป็นหลาย ส่วนและให้ส่งมอบเอกสารแก่ตนส่วนละใบก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ผู้ทรง เอกสารต้องคืนเอกสารเดิมแก่นายคลังสินค้า
อนึ่ง ค่าใช้จ่ายในการแยกสินค้าและการส่งมอบเอกสารใหม่นั้น ผู้ทรงเอกสารต้องรับใช้

มาตรา 784 กรรมสิทธิ์ในสินค้าที่เก็บรักษาไว้นั้น ท่านว่าอาจโอน ได้แต่ด้วยสลักหลังใบรับของคลังสินค้าเท่านั้น

มาตรา 785 สินค้าซึ่งเก็บรักษาไว้นั้นอาจจำนำได้แต่ด้วยสลักหลัง ประทวนสินค้า เมื่อประทวนสินค้าได้สลักหลังแล้ว สินค้านั้นจะจำนำ แก่ผู้อื่นอีกชั้นหนึ่งด้วยสลักหลังใบรับของคลังสินค้าอย่างเดียวกับ สลักหลังประทวนสินค้านั้นก็ได้

มาตรา 786 ตราบใดสินค้าที่เก็บรักษาไว้ไม่ได้จำนำ ท่านว่าจะ โอนใบรับของคลังสินค้า และประทวนสินค้าไปต่างหากจากกันไม่ได้ อยู่ตราบนั้น

มาตรา 787 ในการสลักหลังลงในประทวนสินค้าครั้งแรกนั้นต้องจด แจ้งจำนวนหนี้ที่จำนำสินค้าเป็นประกัน ทั้งจำนวนดอกเบี้ยที่จะต้อง ชำระและวันที่หนี้จะถึงกำหนดชำระด้วย

มาตรา 788 อันสินค้าที่เก็บรักษาไว้ในคลังนั้น จะรับเอาไปได้แต่ เมื่อเวนคืนใบรับของคลังสินค้า

มาตรา 789 ถ้าได้แยกประทวนสินค้าออกสลักหลังจำนำแล้วจะ รับเอาสินค้าได้แต่เมื่อเวนคืนทั้งใบรับของคลังสินค้าและประทวนสินค้า
แต่ว่าผู้ทรงใบรับของคลังสินค้าอาจให้คืนสินค้าแก่ตนได้ในเวลาใดๆ เมื่อวางเงินแก่นายคลังสินค้าเต็มจำนวนหนี้ซึ่งลงไว้ในประทวนสินค้า กับทั้งดอกเบี้ยจนถึงวันกำหนดชำระหนี้นั้นด้วย
อนึ่ง จำนวนเงินที่วางเช่นนี้นายคลังสินค้าต้องชำระแก่ผู้ทรง ประทวนสินค้าเมื่อเขาเวนคืนประทวนนั้น

มาตรา 790 ถ้าหนี้ซึ่งสินค้าจำนำเป็นประกันมิได้ชำระเมื่อวันถึง กำหนดไซร้ ผู้ทรงประทวนสินค้าเมื่อได้ยื่นคำคัดค้านตามระเบียบ แล้วชอบที่จะให้นายคลังสินค้าขายทอดตลาดสินค้านั้นได้ แต่ท่าน ห้ามมิให้ขายทอดตลาดก่อนแปดวันนับแต่วันคัดค้าน

มาตรา 791 ผู้ทรงประทวนสินค้าต้องมีจดหมายบอกกล่าวให้ผู้ฝาก ทราบเวลาและสถานที่จะขายทอดตลาด

มาตรา 792 นายคลังสินค้าต้องหักเงินที่ค้างชำระแก่ตนเนื่อง ด้วยการเก็บรักษาสินค้านั้นจากจำนวนเงินสุทธิที่ขายทอดตลาดได้ และเมื่อผู้ทรงประทวนสินค้านำประทวนมาเวนคืน ต้องเอาเงินที่ เหลือนั้นให้ตามจำนวนที่ค้างชำระแก่เขา
ถ้ามีเงินเหลือเท่าใด ต้องใช้แก่ผู้รับจำนำคนหลังเมื่อเขาเวนคืน ใบรับของคลังสินค้า หรือถ้าไม่มีผู้รับจำนำคนหลัง หรือผู้รับจำนำคน หลังได้รับชำระหนี้แล้ว ก็ให้ชำระเงินที่เหลืออยู่นั้นแก่ผู้ทรงใบรับ ของคลังสินค้า

มาตรา 793 ถ้าจำนวนเงินสุทธิที่ขายทอดตลาดได้ไม่พอชำระ หนี้แก่ผู้ทรงประทวนสินค้าไซร้ นายคลังสินค้าต้องคืนประทวนสินค้า แก่เขา กับจดบอกจำนวนเงินที่ได้ชำระลงไว้ในประทวนสินค้านั้นแล้ว จดลงไว้ในสมุดบัญชีของตนด้วย

มาตรา 794 ผู้ทรงประทวนสินค้ามีสิทธิจะไล่เบี้ยเอาจำนวนเงิน ที่ยังค้างชำระนั้นแก่ผู้สลักหลังคนก่อน ๆ ทั้งหมด หรือแต่คนใด คนหนึ่งได้แต่ต้องได้ขายทอดตลาดภายในเดือนหนึ่งนับแต่วันคัดค้าน
อนึ่ง ท่านห้ามมิให้ฟ้องไล่เบี้ยเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่งนับแต่วันขาย ทอดตลาด

มาตรา 795 บทบัญญัติทั้งหลายในประมวลกฎหมายนี้อันว่าด้วย ตั๋วเงินนั้นท่านให้ใช้ได้ถึงประทวนสินค้า และใบรับของคลังสินค้าซึ่ง ได้สลักหลังอย่างประทวนสินค้านั้นด้วย เพียงที่ไม่ขัดกับบทบัญญัติ ทั้งหลายในลักษณะนี้

มาตรา 796 ถ้าเอกสารมีทั้งใบรับของคลังสินค้าและประทวนสินค้า หรือแต่อย่างหนึ่งอย่างใดสูญหายไป เมื่อผู้ทรงเอกสารนั้น ๆ ให้ ประกันตามสมควรแล้วจะให้นายคลังสินค้าออกให้ใหม่ก็ได้
ในกรณีเช่นนี้นายคลังสินค้าต้องจดหมายลงไว้ในต้นขั้วเป็นสำคัญ

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551

โอบามา ชนะด้วยอินเตอร์เน็ต

โอบามา ชนะด้วยอินเตอร์เน็ต
นักกลยุทธ์หลายคนเชื่อว่า วุฒิสมาชิก บารัค โอบามา แห่งพรรคเดโมเครท ซึ่งชนะได้รับเลือกเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา เพราะโอบามาสามารถใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตได้อย่างชาญฉลาดและเต็มที่ วุฒิสมาชิก บารัค โอบามา แห่งรัฐอิลินอยส์ อาจจะได้สร้างประวัติศาสตร์โลกได้ถ้าหากเขาชนะวุฒิสมาชิกจอห์นแมคเคน ซึ่งได้รับเลือกเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีแห่งพรรครีพับพลิกัน เพราะโอบามาเป็นชาวผิวดำ เชื้อสายอัฟริกันคนแรกในประวัติศาสตร์กว่า 200 ปี ของสหรัฐอเมริกาที่จะได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งจบกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลกเช่นกันข่าวล่าสุดจากผู้ค้าในตลาดหุ้นทั้งสองแห่งคือที่ ดับลินและไอโอวา ให้โอบามาชนะแมคเคนด้วยคะแนน 61% ต่อ 35% และ 62% ต่อ 39% ตามลำดับ ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตได้เป็นกระแสหลักของชีวิตทางการเมืองของสหรัฐอเมริกาเข้าไปแล้ว การเริ่มต้นแห่งการรณรงค์เลือกตั้งของโอบามานั้นเริ่มจากศูนย์เพราะนอกจากไม่มีใครรู้จัก แล้วยังมีเงินและทุนน้อยมาก แต่อินเตอร์เน็ตกลับเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากที่สามารถทำให้บารัคโอบามา สามารถขับเคลื่อนจนได้รับแรงสนับสนุนทั้งคนและเงินทุนจากอินเตอร์เน็ตนี่เอง ซึ่งในช่วงแรกของการรณรงค์นั้น บารัค โอบามา เป็นรองฮิลลารี คลินตัน อย่างเทียบกันไม่ได้เลย ผู้เชี่ยวชาญด้านอินเตอร์เน็ตทางการเมือง คุณฟิล โนเบิล ซึ่งได้เฝ้าสังเกตการณ์การใช้อินเตอร์เน็ตทางการเมืองมานาน กล่าวว่า ความสำเร็จของ โอบามา มาจากการที่เขาได้ปักใจให้การใช้อินเตอร์เน็ตเป็นหัวใจของแผนการรณรงค์การเลือกตั้ง ในวันที่ บารัค โอบามา ได้ประกาศรณรงค์เลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เว็บไซต์ ของเขาได้รับการพัฒนาอย่างพรั่งพร้อมและเตรียมเดินหน้าอย่างเต็มสูบ โดยใช้อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งพบปะสำหรับผู้สนับสนุนและการบริจาคเงินทุนด้วยระบบอินเตอร์เน็ต คุณไมเคิล เติร์ก (Michael Turk) ผู้อำนวยการการรณรงค์ด้วยอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-Campaign ของ บุช และ เชนีย์ แห่งพรรครีพลับพลิกัน ปี 2004 ได้กล่าวว่า พรรคเดโมเครท เรียนรู้ได้เร็วมากจากบทเรียนที่ผ่านมาว่าเดโมเครทพ่ายแพ้เพราะทีมงานพัฒนาระบบอินเตอร์เน็ตของจอห์นแครี่ ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสู้เขาไม่ได้ในสมัยที่แข่งกับ จอร์จ บุช จูเนียร์ในปี 2004 โดยที่คุณไมเคิล เติร์ก ได้กล่าวว่า เขาได้ใช้ระบบผสมผสานระหว่างบัญชีรายชื่อของอีเมล์ และเทคนิคการทำเหมืองข้อมูลหรือเดต้าไมนิ่ง (Data Mining) สำหรับติดต่อกับผู้สนับสนุนและรับเงินบริจาค โอบามา ได้ศึกษาบทเรียนเรื่องนี้จึงได้อาศัยฐานข้อมูลของระบบอินเตอร์เน็ตในลักษณะเดียวกันเพื่อพุ่งเป้าสู่ ผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง โดยอาศัยอาสาสมัครจำนวนมากซึ่งมีโทรศัพท์ติดต่อได้และให้อาสาสมัครเดินไปพบปะกับผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน โดยจะมีข้อมูลของแผนที่เส้นทางเดินและเรื่องนโยบายที่ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนให้ความสำคัญ ที่จะลงคะแนนให้เพื่อให้อาสาสมัครของโอบามาช่วยหาเสียง
นอกจากนี้โอบามายังได้ใช้บริการเครือข่ายสังคมทั้งมายสเปส (Myspace) และเฟสบุ๊ค (Facebook) ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ซึ่งสามารถทำให้โอบามาได้ผู้สนับสนุนถึง 160,000 คนในช่วงระยะสั้นๆ เท่านั้น ดร.พอล ซูบี และ ดร.รีเบคกา เฮย์ส แห่ง มหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตท ได้กล่าวว่า โอบามา ได้รับความนิยมสูงมากที่สุดในเฟสบุ๊ค ซึ่งเป็นบริการเครือข่ายทางสังคมของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้คอมเมนท์จากเฟสบุ๊คของโอบามาก่อผลกระทบทางการเมืองเป็นอย่างมาก และทำให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนสนใจและลงคะแนนให้โอบามา เพราะฉะนั้นไม่แปลกเลยที่คะแนนนิยมของโอบามาจึงเป็นกลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั้งนั้น ซึ่งเป็นกลุ่มหนุ่มสาวชาวอเมริกันและเป็นกลุ่มประเภทมีการศึกษาสูง คุณโนเบิล ผู้เชี่ยวชาญด้านอินเตอร์เน็ตทางการเมืองกล่าวว่า โอบามา น่าจะได้เงินบริจาคสนับสนุนถึงหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 32,000 ล้านบาท ซึ่งจะมากกว่าสมัยของจอห์นแครี่สัก 12 เท่า เพราะความพร้อมของทีมงานระบบอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้คุณโนเบิลยังได้กล่าวว่า ทางฝั่งพรรครีพลับพลิกันในครั้งนี้ กลับไม่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ดีเท่า โอบามา โดยเฉพาะวุฒิสมาชิกแมคเคน ยังประสบปัญหากับเรื่องการใช้อินเตอร์เน็ตที่จะเข้าไปสู่กลุ่มอนุรักษ์ฐานเดิมของรีพับพลิกัน คุณโนเบิลคาดว่า โอบามาจะสามารถหาเงินบริจาคสนับสนุนได้มากกว่าจอห์นแมคเคนเยอะแน่นอนและรีพับพลิกันคงจะตามไม่ทัน ผู้อ่านคงจะต้องคอยติดตามดูเรื่องนี้ให้ดีอีกครั้งว่าเป็นอย่างไร ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา

หมอลักษณ์ฟันธงหลัง 2 ก.ค. เกิดวิบัติ

สำหรับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หลังวันที่ 2 ก.ค. วิกฤติในบ้านเมืองจะเริ่มคลี่คลายนั้น นายลักษณ์ เรขานิเทศ หรือหมอดูฟันธง ให้สัมภาษณ์วานนี้ (17 มิ.ย.) ว่า ขอค้านหัวชนฝา และเชื่อว่าโหรจากหลายสำนักก็ต้องค้านที่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าจะหมดภัย ในทางกลับกันจะเกิดภัยน่ากลัวคือ จะเกิดเพลิงไหม้ ระเบิด ตามหลักโหราศาสตร์แล้วในวันที่ 2 ก.ค. ดาวอังคารและดาวเสาร์โคจรองศาทับกันแทบสนิท เปรียบเสมือนรถสิบล้อคือดาวเสาร์ และรถตุ๊กตุ๊กคือดาวอังคารพุ่งเข้าชนรถสิบล้อ ดูแล้วบ้านเมืองมีแววล่อแหลม ถึงคราวแตกหักนองเลือด หรือถูกภัยร้ายคุกคาม ตามหลักการจันทร์ อังคาร เกตุ เสาร์ร่วมในราศีสิงห์ มฤตยูเล็งดาวอาทิตย์ โยกถึงเสาร์ทับจันทร์ ตามหลักทฤษฎีบอกว่าจะเกิดวิบัติฉิบหาย ลูกเมียหนี จะเกิดความแตกแยกทางความคิด น่ากลัวสุดๆ ประเด็นสำคัญดาวแห่งความตายคือดาวมฤตยูโคจรเล็งอยู่ในราศีกุมภ์ด้วยจุดน่าเป็นห่วง

ระวังไฟอารมณ์ปะทุลามเมือง

หมอดูฟันธงกล่าวว่า วันวิกฤติจะเกิด 2 ช่วงระหว่างวันที่ 2 ก.ค. บวกลบไม่เกิน 5 วัน กับวันที่ 1-5 ส.ค. จะเกิดเหตุการณ์รุนแรง และไฟทางอารมณ์ของผู้คนจะปะทุ เกิดการปะทะกัน ไฟทางใต้ที่สงบในระยะหนึ่งจะกลับมาร้อน ไฟจากการเผาตึกอาคาร แก๊งก่อกวน ทั้งนี้ไม่ได้ทายให้เกิดความตื่นกลัว แต่ในเชิงทฤษฎีต้องออกมาเตือน ในเดือน ส.ค. จะเกิดคราสหรือจุดดำจุดมืดคือ เงามืดทับดวงเมืองถึง 2 ครั้ง ต้นเดือน ส.ค.ครั้งหนึ่งและปลายเดือน ส.ค. จึงเตือนว่าไม่ใช่จะหมดภัย แต่จะเกิดภัย ไม่รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณเอาข้อมูลนี้มาจากไหน

ชี้ชะตา “ทักษิณ” มีแต่ดิ่งลง

หมอลักษณ์กล่าวด้วยว่า สำหรับดวงของ พ.ต.ท. ทักษิณจะไม่ดีไปจนถึงปลายปี 2552 ขึ้นปี 2553 ช่วงนี้มีเกณฑ์เสียเงินเสียทอง มีคดีความก็แพ้จนถูกยึดทรัพย์ มีเหตุถูกปองร้ายภายในระยะเวลา 45 วัน นับตั้งแต่ช่วงนี้ ส่วนทางแก้ไขนั้น ต้องแก้เคล็ดด้วยการนิมนต์พระทั่วราชอาณาจักรช่วยกันสวดมนต์แผ่เมตตา เหมือนพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า “เราหยุดแล้ว ท่านยังไม่หยุด” ด้านการเมืองฝ่ายรัฐบาลต้องเปิดโอกาสให้มีการอภิปราย ให้ประชาชนทุกฝ่ายมีส่วนร่วมกันแสดงความคิดเห็นทำประชาพิจารณ์การแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนประชาชนที่มาประท้วงสารพัดม็อบในช่วงนี้ต้องกลับที่ตั้งสัก 2-3 เดือน ปล่อยให้ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลแก้ไขปัญหากันไป ทุกอย่างจะทุเลา

“สุเทพ” แนะ “ทักษิณ” ต้องรู้จักพอ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตอนที่อ่านข่าว พ.ต.ท.ทักษิณพูดเรื่องนี้ ก็ไม่เข้าใจ ยอมรับว่าไม่เข้าใจ พ.ต.ท.ทักษิณมานานแล้วตั้งแต่ยุบสภา พ.ต.ท.ทักษิณทำอะไรแปลกๆไปเรื่อยๆ แต่รู้เพียงว่าเป็นคนไม่หยุด ทั้งหมดถ้า พ.ต.ท.ทักษิณยอมหยุดคนเดียว ทุกเรื่องก็จะสงบเรียบร้อย ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าวันที่ 2 ก.ค. มีนัยสำคัญหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ไม่มีอะไรที่เป็นนัยสำคัญ แต่ที่มีนัยสำคัญคือวันที่ 8 ก.ค. ที่ศาลฎีกาจะตัดสินคดีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ทั้งนี้ ไม่คิดว่าวันที่ 2 ก.ค.ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณจะรู้ผลการตัดสินล่วงหน้า เมื่อถามว่า มีโหรชื่อดังออกมาระบุว่ามีดาวเสาร์ชนกับดาวอังคาร ถ้าหลังวันที่ 2 ก.ค. อาจมีผลต่อสถานการณ์ของบ้านเมือง นายสุเทพตอบว่า เป็นชาวพุทธเชื่อในกฎแห่งกรรม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของมนุษย์ ดวงดาวไม่มีส่วนบงการอะไร และคงเป็นเพียงข้ออ้าง ยืนยันว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณรู้จักหยุด รู้จักพอ รู้จักถอย บ้านเมืองก็จะสงบสุข

ผบ.ทร.วอนนักการเมืองลดทิฐิ

พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. กล่าวว่า อยากให้เรื่องทางการเมืองคลี่คลายมานานแล้ว ปัญหาทั้งหลาย เกิดจากด้านการเมืองเป็นหลัก ดังนั้น คนที่จะต้องเป็นผู้แก้ไขปัญหาคือฝ่ายการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวา ต้องคุยกันให้ดี คนอื่นคงทำอะไรไม่ได้ “เรื่องถอยกันคนละก้าวก็พูดกันมานานแล้ว ผมก็ไม่รู้จะถอยกันอย่างไร ไม่เห็นถอยกันสักที อยากให้เห็นใจประชาชน ตอนนี้เดือดร้อนเรื่องเศรษฐกิจมาก ถ้าคิดถึงตรงนี้แล้ว คนที่เป็นนักการเมืองแล้วสร้างปัญหาพวกนี้ขึ้นมา ต้องสำนึกเรื่องนี้ และพยายามทำให้ปัญหาเบาบางลงไป เพื่อสภาพเศรษฐกิจจะได้ดีขึ้น ผมอยากให้ทำอย่างนั้น”

เมื่อถามว่า ขณะนี้แต่ละฝ่ายไม่จริงใจกับบ้านเมืองทั้งที่พูดว่ารักชาติใช่หรือไม่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์กล่าวว่า เขาจริงใจ แต่อาจจะมองข้ามความเดือดร้อนของประชาชนไปบ้าง ถ้าคิดถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก จะช่วยแก้ปัญหาได้ดีขึ้น เรื่องการลดทิฐิมานะก็บอกกันมาตั้งนานแล้ว

ศาล รธน.เตรียมจัดลำดับคำร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญว่า เมื่อเวลา 10.00 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมนัดแรกอย่างเป็นทางการ โดยมีนายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ที่ประชุมได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องตราให้เสร็จภายใน 1 ปี นับแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ คาดว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้

ต่อข้อถามว่า จะเรียงลำดับความสำคัญของเรื่องที่ค้างการพิจารณาอย่างไร นายไพบูลย์กล่าวว่า คำร้องที่ค้างอยู่ในการพิจารณาทั้งสิ้น 57 คำร้อง คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าคณะตุลาการจะมีรายละเอียดชัดเจนในการพิจารณาคำร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะตุลาการนัดนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อขอบันทึกภาพการประชุม แต่ เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญไม่อนุญาต พร้อมสั่งไม่ให้สื่อมวลชนยืนรอดักสัมภาษณ์ตุลาการบริเวณทางขึ้นลงห้องประชุมและห้องอาหาร โดยให้ไปรอทำข่าวที่ห้องแถลงข่าวเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการติดกล้องวงจรปิด